สูตร ชาชัก

iStock_000016194912_Small

ชาชัก ถือว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่งในการทำอาหาร โดยใช้เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยใดๆ โดยการชักกะเย่อให้เกิดฟองนั้นเอง หรือ จะชงเป็นชาเย็นธรรมดาก็อร่อยเหาะ โดยสูตรด้านล่างนี้ หากใครยังไม่ชำนาญหรือไม่เคยชักชาอย่าเพิ่งลองอาจจะหกเลอะเทอะไม่ได้กินกันพอดี หรืออยากเอาเทคนิคการชักชาไปเริ่มฝึกก็ไม่ว่ากันค่ะ

ชาชัก เป็นชานมแบบร้อนที่พบได้ทั่วไปในมาเลเซีย สิงคโปร์ และภาคใต้ของไทย ชื่อมาจากกระบวนการชงที่มีการเทเครื่องดื่มกลับไปกลับมา ทำจากชาดำ นมระเหย จัดเป็นเครื่องดื่มประจำชาติของมาเลเซีย


รูปแบบ

  • เตะฮ์-ซี เป็นชาที่ชงกับนมระเหยไม่หวาน ต่างจากชาชักทั่วไปที่ใส่นมข้นหวาน
  • เตะฮ์-โอ เป็นชาที่ไม่ใส่นม ถ้าไม่ใส่น้ำตาลด้วยเรียก "เตะฮ์-โอ โกซง"เตะฮ์ฮาเลีย หรือชาขิง
  • ชาม มาจากภาษาจีนกวางตุ้ง หมายถึง ผสม เป็นส่วนผสมของชาและกาแฟ


"Teh Tarik" หรือ "เตฮ์ ตาเระ"สำเนียงเสียงถิ่นมลายูที่เรียกขาน หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “ชาชัก” เป็นกระบวนการชงชานมให้เกิดฟองโดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี แต่มาจากสองแขนที่แข็งขัน สลับรับ-ส่งส่วนผสมในกระบอกชงให้ตรงจังหวะ ตามแรงโน้มถ่วงของโลกให้กลายเป็น “ชา” (เตฮ์) ที่ถูก “ชักกะเย่อ” (ตาเระ) ที่มีรสละมุนของฟองนมตามแบบฉบับการชงชาที่พบในคาบสมุทรมลายู ไม่ปรากฏว่าประเทศใดเป็นต้นแบบในการชง "ชาชัก" แต่พบว่ามีร้านชาชักอยู่ทั่วไปทั้งในมาเลเซีย อินโดนีเซีย  สิงคโปร์และภาคใต้ของไทยค่ะ 

ชาเป็นเรื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมาก รองจากน้ำเปล่า ประเทศที่ส่งออกชามากที่สุดในโลกคืออินเดียและศรีลังกา และมากกว่าครึ่งของชาที่ส่งออกถูกดื่มโดยประเทศสหราชอาณาจักร แรกเริ่มเดิมทีชามีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน แถบตะวันตกเฉียงใต้ของจีนจรดแถบตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย


ส่วนผสม
  • ชาผงซีลอน 10 ช้อนชา
  • ชาผง 20 ช้อนชา
  • ชาหอม 10 ช้อนชา
  • น้ำ 1,500 มิลลิลิตร
  • นมข้นหวาน 1 1/2 กระป๋อง
  • นมข้นจืด 20 ช้อนชา
  • ครีมเทียม 20 ช้อนชา
  • น้ำเชื่อม 25 ช้อนชา


วิธีทำ
  1. นำผงชาทั้ง 3 อย่างมาผสมเข้าด้วยกัน ลักษณะผงชาที่ได้จะเป็นลักษณะเป็นผงละเอียดและเป็นก้านใบชาหยาบๆ แล้วนำไปใส่ถุงกรองชา
  2. ต้มน้ำให้เดือด แล้วเทน้ำร้อนผ่านถุงกรองชา ในกระบอกสำหรับชงชา
  3. ขั้นตอนสำคัญในการเทชา ให้เทสลับไปมาประมาณ 12 รอบ ระหว่างเทให้ยกถุงชาขึ้นมาสูงๆ (มือใหม่หัดชักชา อย่าเล่นท่ามากเดียวจะหกเอาค่ะ)เพื่อให้ชาสัมผัสกับอากาศเกิดความหอมของชาให้ดีมากขึ้น
  4. เมื่อเทสลับไปมาครบ 12 รอบแล้ว ให้แช่ถุงชาไว้ 5 นาที เมื่อครบแล้วจากนั้นให้ยกถุงชาออกมา ใช้มือบีบถุงกรองชาเพื่อคั้นเอาน้ำออกมาให้หมด
  5. เติมครีมเทียมลงไปในชาคนให้เข้ากันจนครีมเทียมละลาย
  6. เติมนมข้นหวานและนมข้นจืดลงไป หรือใครชอบความมันให้เติมนมข้นจืดลงไปอีกตามความชอบ และใส่น้ำเชื่อมตามลงไป คนให้เข้ากันชิมและเพิ่มเติมรสชาติตามความชอบ
  7. รอให้เย็นใส่ขวดแช่ตู้เย็นหรือเทใส่น้ำแข็งกินให้ชื่นใจไปเลยค่ะ  
  8. ชาชักการชัดนมให้เป็นฟองโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องตีอาศัยความชำนาญและเกิดการฝึกฝนเป็นอย่างดี ให้ได้จังหวะที่เหมาะสมตามแรงโน้มถ่วงของโลก กลายเป็นชาที่ถูกการชักกะเย่อ โดยเป็นการดึงอากาศให้เกิดฟองนม ด้วยเทคนิคการเทชาให้เทจากด้านล่างขึ้นด่านบน สลับกับบนลงล่าง สูงเหนือศีรษะสุดปลายแขน เทสลับไปสลับมาอย่างนี้จนเกิดฟองนมที่นุ่ม เทคนิคขึ้นอยู่ที่การฝึกฝนเป็นอย่างดี กว่าจะเป็นได้ต้องเสียชาไปหลายเยือก ชาชักเหมือนงานศิลปะต้องอาศัยประสบการณ์ ใครที่อยากหัดทำชาชักเริ่มได้ไม่ยาก แค่ฝึกฝนและตั้งใจจริงๆ ก็สามารถทำได้แล้วค่ะ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ความเป็นมาของชาชัก


"ตำนานชาชัก"
ตำนาน "ชาชัก" เล่าขานกันว่า เกิดจากชายหนุ่มอิสลามชาวไทยที่เกิดอยู่ใกล้ตะเข็บชายแดน เขาใฝ่ฝันที่จะเป็นเจ้าของร้านน้ำชา อยากมีงานทำ จึงเดินทางข้ามไปหางานทำในประเทศมาเลเซีย ที่ร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง ณ ที่นั้นเขาได้พบกับลูกสาวแสนสวยของเจ้าของร้านก็เกิดความรัก แต่ก็ถูกกีดกันโดยพ่อแม่ของสาวเจ้า พร้อมทั้งคำสบประมาทแถมท้ายว่า "รอให้ชักชาได้ไม่ขาดสาย และฟาดโรตีให้เหมือนผีเสื้อบิน เหมือนที่พ่อของหญิงคนรักทำได้เสียก่อนแล้วค่อยมาสู่ขอลูกสาว"
ด้วยแรงรักและความมุมานะ ที่อยากจะลบคำสบประสาท ทำให้เขาเพียรพยายามฝึกฝน การชักชาและฟาดโรตีด้วยความเพียรพยายามจนกระทั่งในที่สุด ความพยายามของเขาก็ทำให้เขาประสบความสำเร็จ จึงกลายเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่มีฝีมือในการชักชาได้สวยงามและไม่ขาดสาย ฟาดโรตีได้แผ่กว้างและบินว่อน เสมือนท่วงทำนองขยับปีก ของผีเสื้อที่สวยงาม
ในที่สุดเขาก็สามารถชนะใจพ่อแม่ของสาวคนรักและได้ครองคู่อยู่กับเธออย่างมีความสุข และชายหนุ่มได้สัญญากับสาวคนรักในคืนนั้นว่า "พี่จะรักเธอให้เหมือนกับสายน้ำชา ซึ่งจะไม่มีวันขาดสาย" นี่คือที่มาของเครื่องดื่มชักกะเย่อ...ตำนานสายใยแห่งความรักจ่ะ




ความคิดเห็น